Banker หนึ่งในตำแหน่งการวางเดิมพันที่ฝั่งคาสิโนมีความได้เปรียบ (House Edge) ตามหลักของคู่มือการเดิมพันบาคาร่า แต่ค่า House Edge เพียงแค่ 1.0579% จะเรียกว่านี่คือจุดอ่อนบาคาร่าก็คงไม่ผิดนัก เพราะคนส่วนใหญ่ที่รู้เรื่องนี้ก็เลือกที่จะแทง Banker มากกว่า จนทำให้กติกาส่วนใหญ่กำหนดอัตราจ่ายฝั่งเจ้ามือน้อยกว่าฝั่งผู้เล่น ไม่ว่าจะเป็นการหักค่าคอมมิชชั่น หรือแม้กระทั่งลดอัตราจ่ายเหลือครึ่งหนึ่งดังนั้นการทำความเข้าใจตามคู่มือบาคาร่าในแต่ละประเภทนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแต่ละประเภทบาคาร่านั้นจะมีอัตราการจ่ายไม่เท่ากัน เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วถ้าอยากจะแทงฝั่งเจ้ามือจะทำอย่างไร เราไปดูกลยุทธ์กันเลย
ทำไมต้องแทงฝั่ง Banker
แค่เล่นปกติก็โดนหักค่าคอมมิชชั่นตั้ง 5% หรือต่อให้หนีไปเล่นบาคาร่าไม่มีค่าคอมก็ยังเสี่ยงโดนลดอัตราจ่ายมากถึง 50% แล้วแบบนี้ทำไมยังต้องดื้อแทง Banker อยู่อีก
เหตุผลเดียวง่าย ๆ สำหรับคนที่อยากเล่นก็คือมันมีโอกาสออกเจ้ามือมากกว่าฝั่งเสมอหรือผู้เล่น หากดูจากค่า House Edge แล้ว หมายความว่าเรามีโอกาสชนะฝั่งเจ้ามือมากที่สุด และในทางสถิติจากเหตุการณ์ทั้งหมด 4,998,398,275,503,360 วิธี มีเหตุการณ์ที่ฝั่งเจ้ามือจะชนะมากถึง 2,292,252,566,437,888 วิธี คิดเป็น 45.8597% ขณะที่ฝั่งผู้เล่นมีความน่าจะเป็นอยู่ที่ 44.6247% และเสมออยู่ที่ 9.5156% เท่านั้น
อัตราจ่ายฝั่ง Banker
สำหรับอัตราจ่ายบาคาร่าจะมีความแตกต่างกันไปตามผู้ให้บริการ ซึ่งบาคาร่าออนไลน์ที่ให้บริการในบ้านเราที่พบเห็นได้บ่อยก็จะมี
เจ้ามือ อัตราจ่าย 1 : 0.95 ถ้าเป็นบาคาร่าไม่มีคอมมิชชั่นจะจ่าย 1 : 1 เมื่อชนะด้วยแต้มรวมที่ไม่ใช่ 6 หรือจ่าย 1 : 0.5 เมื่อชนะด้วยแต้มรวม 6 แต้ม
เจ้ามือคู่เหมือน เงื่อนไขการชนะคือฝั่งเจ้ามือจะต้องได้ไพ่สองใบแรกเป็นไพ่คู่ เช่น ไพ่ 4♠ กับ 4♦ โดยที่ดอกไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน อัตราจ่ายอยู่ที่ 1 : 11
เจ้ามือคู่ เป็นการทายว่าฝั่งเจ้ามือจะได้แต้มรวมเป็นแต้มคู่ อัตราจ่ายคือ 1 : 0.94 วางเดิมพันได้แค่ช่วง 30 ตาแรกเท่านั้น
เจ้ามือคี่ เป็นการทายว่าฝั่งเจ้ามือจะได้แต้มรวมเป็นแต้มคี่ อัตราจ่าย 1 : 0.94 วางเดิมพันได้แค่ช่วง 30 ตาแรกเช่นกัน
เจ้ามือป๊อก เป็นการทายว่าฝั่งเจ้ามือจะชนะด้วยแต้มรวมจากไพ่สองใบแรกที่ 8 หรือ 9 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 4
มังกรแดง เป็นการทายว่าฝั่งเจ้ามือจะชนะด้วยไพ่ที่ไม่ป๊อก โดยอัตราจ่ายจะแตกต่างกันไปดังนี้
- ชนะด้วย 9 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 30
- ชนะด้วย 8 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 10
- ชนะด้วย 7 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 5
- ชนะด้วย 6 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 3
- ชนะด้วย 5 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 2
- ชนะด้วย 4 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 1
- ชนะด้วยไพ่ป๊อก อัตราจ่าย 1 : 1
- ไพ่ป๊อกเสมอ คืนเงินเดิมพัน
กลยุทธ์การแทงฝั่งเจ้ามือ
1. เลือกเล่นบาคาร่าแบบไม่มีค่าคอมมิชชั่น
แม้ว่าบาคาร่าไม่มีค่าคอมมิชชั่นจะเสี่ยงที่จะโดนหักเงินรางวัลให้เหลือแค่ครึ่งเดียว แต่ก็มีโอกาสน้อยมากที่เจ้ามือจะชนะด้วย 6 แต้ม เพราะบาคาร่า Super 6 โอกาสที่จะชนะมีแค่ 6.26% เท่านั้น แล้วถ้ามองในมุมความได้เปรียบของคาสิโนแล้ว ฝั่งเจ้ามือปกติจะได้เปรียบแค่ 1.06% เขาถึงได้สร้าง Super 6 ขึ้นมาเพื่อให้มีความได้เปรียบมากถึง 5.39% ยังไงก็ดีกว่าเสียค่าคอมมิชชั่นทีละ 5% ทุกครั้งที่ชนะอยู่แล้ว
2. เลือกห้องบาคาร่าที่ออกฝั่งเจ้ามือมากกว่า
จะเล่นฝั่งเจ้ามือทั้งทีก็ต้องเลือกห้องบาคาร่าที่มีสถิติการออกไพ่ฝั่งเจ้ามือให้มากเข้าไว้ เพราะมีโอกาสที่เราจะชนะฝั่งเจ้ามือมากกว่า แล้วคำว่ามากในที่นี้ไม่ใช่แค่มากกว่าตาสองตา อย่างน้อยควรจะมากกว่าสัก 5 ตากำลังดี ส่วนเรื่องเค้าไพ่บาคาร่าค่อยไปอ่านกันทีหลัง ซึ่งวิธีการอ่านเค้าไพ่ก็สามารถเรียนรู้คู่มือการเล่นพนันออนไลน์บาคาร่าได้เลย
3. ดูเค้าไพ่บาคาร่าหาจังหวะเข้าแทง
พอได้ห้องแล้วก็อย่ารีบวางเดิมพัน ให้อ่านเค้าไพ่บาคาร่าก่อนว่ามีรูปแบบการออกฝั่งเจ้ามืออย่างไร หากชอบออกติดกันก็หาจังหวะแทงตามไปได้เลย หรือชอบออกฝั่งผู้เล่นแค่ตาสองตาแล้วสลับฝั่ง เราก็หาจังหวะแทงสวน แบบนี้จะมีโอกาสชนะมากกว่า
4. ใช้สูตรเดินเงินบาคาร่าเข้าช่วย
ถึงการแทงฝั่งเจ้ามือจะมีโอกาสชนะมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสเสีย ดังนั้นควรใช้ 4 สูตรเดินเงินบาคาร่าควบคู่กันไปด้วย จะเป็นมาร์ติงเกล, Fibonacci, dAlembert, 1324 หรืออะไรก็ได้ เลือกใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ อย่างน้อยเวลาเสียก็กู้คืนกลับมาได้ หรือเวลาชนะล็อคกำไรไว้บางส่วนก็ยังดี
อ้างอิง
- รีวิว บาคาร่าออนไลน์ – เจาะละเอียดลึก สอนครบทุกเรื่องเกี่ยวกับบาคาร่า.
https://stakehow.com/บาคาร่า/รีวิวบาคาร่าออนไลน์/