จะเรียกว่าเป็นประเด็นถกเถียงก็คงไม่ผิดนักหากลองได้ไปโยนหินถามทางกับใครต่อใครว่า เล่นบาคาร่าแทง Banker หรือ Player ดี ถามไปแบบนี้บอกเลยมีเสียงแตก บ้างก็ว่า Player มีความเสียเปรียบมากกว่า โอกาสชนะน้อยกว่า บ้างก็ว่าแทง ๆ ไปไม่ต้องคิดเยอะ สุดท้ายโอกาสมันก็พอ ๆ กัน บทความนี้เราจะไปทำความเข้าใจกันแบบรู้แจ้งว่า Player ดีอย่างไร ทำไมหลายคนถึงยอมเสี่ยงทั้งที่เสียเปรียบมากกว่าโดยอิงจากค่า House Edge ตามคู่มือบาคาร่าโดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้
รู้จักกับ Player ผู้เล่นที่ไม่ใช่ผู้เล่น
ถ้าเป็นเกมอื่น Player คงหมายถึงตัวเราที่เป็นนักเดิมพัน แต่ในบาคาร่านั้น Player เป็นอีกรูปแบบการวางเดิมพันที่ใช้แทน “ผู้เล่น” เพราะในเกมนี้ดีลเลอร์หรือผู้ดำเนินเกมจะเป็นคนแจกไพ่ ส่วนนักเดิมพันอย่างเราเป็นเพียงแค่คนทายผลว่าฝั่งไหนจะชนะระหว่าง เจ้ามือ (Banker) กับผู้เล่น (Player)
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้บางคนเลือกที่จะแทงฝั่งผู้เล่นก็เพราะมีค่า House Edge ที่ 1.24% แม้ว่าจะมากกว่าฝั่งเจ้ามือ แต่มันก็แค่ 0.18% แทบจะไม่เห็นความแตกต่างเลยด้วยซ้ำ แล้วที่สำคัญกว่าก็คือไม่ว่าจะเล่นบาคาร่าไม่มีคอมมิชชั่นหรือบาคาร่าแบบมีคอมมิชชั่น ฝั่งผู้เล่นก็ยังคงจ่ายเต็ม 100% กินเต็มแบบนี้เป็นใครจะไม่เอา
อัตราจ่ายการ แทงฝั่ง Player คุ้มค่าความเสี่ยงหรือไม่
ถ้าจะถามว่าคุ้มค่าความเสี่ยงหรือไม่ ตรงนี้ก็ต้องไปพิจารณากันเอาเอง อย่างที่ได้เกริ่นไปแล้วว่าในทางสถิติโอกาสที่จะออกฝั่งผู้เล่นกับเจ้ามือก็พอ ๆ กัน ที่เหลือขึ้นอยู่กับการเลือกใช้กลยุทธ์ แต่ถ้าจะดูระดับความเสี่ยงสามารถพิจารณาได้จากอัตราจ่าย ยิ่งจ่ายมากยิ่งเสี่ยงมาก ยิ่งจ่ายน้อยโอกาสชนะก็เยอะ
สำหรับอัตราจ่ายก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบของเกมที่เล่นด้วยเช่นกัน ซึ่งในคาสิโนออนไลน์เว็บไทยส่วนมากจะมีให้แทงฝั่งผู้เล่นดังนี้
ผู้เล่น เป็นการทายว่าฝั่งผู้เล่นจะชนะ อัตราจ่าย 1 : 1
ผู้เล่นคู่เหมือน เป็นการทายว่าฝั่งผู้เล่นจะได้ไพ่สองใบแรกเป็นไพ่ที่หน้าเหมือนกัน แต่ดอกไม่เหมือนกันก็ได้ หรือที่เรียกว่าไพ่คู่ เช่น ไพ่ 8♠ กับ 8♦ อัตราจ่าย 1 : 11
มังกรน้ำเงิน เป็นการทายว่าฝั่งผู้เล่นจะชนะแบบไม่ใช่ไพ่ป๊อก (Natural) อัตราจ่ายเริ่มต้นที่ 1 : 1 สำหรับการชนะด้วย 4 แต้ม สูงสุดคือ 1 : 30 หากชนะด้วย 9 แต้ม
ผู้เล่นป๊อก เป็นการทายว่าฝั่งผู้เล่นจะชนะด้วยแต้ม Natural (แต้มรวมจากไพ่ 2 ใบแรก เป็น 8 หรือ 9 แต้ม) อัตราจ่าย 1 : 4
ผู้เล่นคู่ เป็นการทายว่าฝั่งผู้เล่นจะได้แต้มรวมเป็นแต้มคู่ อัตราจ่ายคือ 1 : 0.9 แต่จะวางเดิมพันได้แค่ช่วง 30 ตาแรกเท่านั้น
ผู้เล่นคี่ เป็นการทายว่าฝั่งผู้เล่นจะได้แต้มรวมเป็นแต้มคี่ อัตราจ่าย 1 : 0.96 เล่นได้ในช่วง 30 ตาแรก เช่นกัน
ส่วนอัตราจ่ายของ ฝั่งเจ้ามือ นั้นจะได้น้อยกว่าฝั่งผู้เล่น ด้วยค่า House Edge ที่ต่างกัน ดังนั้นคนที่แทงฝั่งเจ้ามือ แค่แทงบาคาร่าปกติก็โดนหักค่าคอมมิชชั่นไปแล้ว 5% หรือต่อให้ไปเล่นบาคาร่าไม่ค่าคอมมิชชั่น ก็ยังมีโอกาสโดนลดอัตราจ่ายมากถึง 50% โดยข้อมูลอัตราจ่ายการแทงบาคาร่าฝั่งเจ้ามือ ทางทีมงานจะยกตัวอย่างมาส่วนหนึ่งดังนี้
- แทงบาคาร่าฝั่งเจ้ามือ ในแบบปกติ อัตราจ่าย 1 : 0.95
- แทงบาคาร่าฝั่งเจ้ามือ ในเกมบาคาร่าไม่มีคอมมิชชั่น อัตราจ่าย 1 : 1 แต่ถ้าแต้มรวมเท่ากับ 6 อัตราจ่ายจะเหลือ 1 : 0.5
- แทงฝั่งเจ้ามือคู่/คี่ อัตราจ่าย 1 : 0.94
เทคนิคเพิ่มโอกาสทำกำไรในฝั่งผู้เล่น
1. เลือกห้องบาคาร่าที่ออกฝั่งผู้เล่นมากกว่า
ก่อนอื่นเลยต้องมองหาห้องบาคาร่าที่มีการเกิดไพ่ฝั่งผู้เล่นมากกว่าเจ้ามือเยอะ ๆ จะออกเค้าไพ่บาคาร่าแบบไหนก็ได้ อย่างน้อยขอให้มีความห่างกันประมาณ 5 เพราะมันจะมีโอกาสออกฝั่งผู้เล่นมากกว่าในตาถัดไปนับจากนี้
2. ดูสถิติการออกไพ่แล้วหาจังหวะเดิมพัน
หลังจากที่ได้ห้องแล้วก็มาดูสถิติการออกไพ่เพื่อหากลยุทธ์เข้าเล่น จากตัวอย่างจะเห็นว่าจะออกฝั่งผู้เล่นติด ๆ กัน และออกแต้มคี่ 9 ครั้งจากทั้งหมด 15 ครั้ง เราอาจใช้วิธีแทงตามพร้อมกับแทงผู้เล่นคู่ไปด้วย
3. ประยุกต์ใช้สูตรเดินเงินบาคาร่า
แม้ว่าการแทงฝั่งผู้เล่นจะมีความเสี่ยงต่ำ แต่โอกาสทำกำไรในระยะสั้นก็มีน้อย จุดนี้ให้ใช้สูตรเดินเงินบาคาร่าเข้ามาช่วยเพิ่มโอกาสและจัดการความเสี่ยงไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกใช้กันหลายสิบสูตร แต่ละสูตรก็เหมาะกับสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป
อ้างอิง
- รีวิว บาคาร่าออนไลน์ – เจาะละเอียดลึก สอนครบทุกเรื่องเกี่ยวกับบาคาร่า.
https://stakehow.com/บาคาร่า/รีวิวบาคาร่าออนไลน์/